ต่างชาติให้ความสนใจลงทุนกับค่าเงินบาทไทย

Last updated: 4 พ.ย. 2562  |  353 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ต่างชาติให้ความสนใจลงทุนกับค่าเงินบาทไทย

ต่างชาติให้ความสนใจลงทุนกับค่าเงินบาทไทย

            เศรษฐกิจในทุกประเทศต่างได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างประเทศสหรัฐอเมริกา กับสาธารณรัฐประชาชนจีนกันอย่างทั่วหน้า รวมถึงประเทศไทยด้วยเช่นกัน จากข้อมูลของ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ได้ระบุว่า ในปีนี้จีดีพีของไทยได้รับผลกระทบจากสงครามกันค้าทำให้มีการเติบโตที่ถูกปรับลดประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทย จากเดิมคาดว่าจะขยายตัว 3.5% เป็น 2.9%

            แต่อย่างไรก็ตามจากการวิเคราะห์ของทางตลาดทุนธนาคารกลสิกรไทย (เคแบนค์) คาดการณ์ว่าในช่วงไตรมาสที่ 4/62 จะขยายตัวได้ 3.5% ดีกว่าไตรมาส 3/62 ที่เติบโตได้ 2.7% เพราะเนื่องจาก พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 มีความชัดเจน อีกทั้งมาตรการชิมช็อปใช้มีผลช่วยกระตุ้นทำให้ จีดีพี ปรับเพิ่มขึ้น

            และคาดการณ์ว่าค่าเงินบาทไทยมีแนวโน้มที่แข็งค่าไปจนถึงสิ้นปี 63 โดยสิ้นปีนี้คาดว่าเงินบาทจะอยู่ที่ระดับ 30.50 บาท/ดอลลาร์ โดยในส่วนครึ่งปีแรกของปี 63 คาดว่าจะปรับแข็งค่าไปอยู่ที่ 29.70 บาท/ดอลลาร์ และสิ้นปี 63 จะแข็งค่าไปที่ระดับ 29.20-29.30 บาท/ดอลลาร์

            ทั้งนี้เป็นผลมาจากประเทศไทยมีเงินบัญชีเดินสะพัดสูงเกินดุลอยู่ที่ 34,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2562 และเกินดุล 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯในปี 2563 รวมถึง มูดี้ส์ จะปรับความน่าเชื่อถือของประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น ส่งผลทำให้ค่าเงินบาทของไทยไม่มีท่าทีที่จะอ่อนตัวลงง่าย ๆ ส่วนสาเหตุที่บัญชีเดินสะพัดสูงเกินดุลมาจากการที่ประเทศไทยมีการส่งออกสินค้าจำนวนมากกว่าการนำเข้าสินค้า จึงอาจส่งผลเสียในอนาคตข้างหน้าให้กับเหล่าธุรกิจส่งออกสินค้าได้

            แต่ในทางตรงกันข้ามนักลงทุนชาวต่างชาติกลับมองว่าค่าเงินบาทและตราสารหนี้ไทยเป็นสินทรัพย์ที่มีความน่าสนใจสูงในช่วงที่มีความไม่แน่นอนของสงครามการค้า ค่าเงินบาทของไทยกลับถูกมองว่ามีความน่าเชื่อถือและความปลอดภัยสูง เพราะเนื่องจากมีค่าเงินบัญชีเดินสะพันที่เกินดุลค่อนข้างมาก ประกอบกับสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำกลับมีการปรับราคาทองคำปรับขึ้นไปแล้ว 17%

            ค่าเงินบาทไทยในปัจจุบันถือว่าเป็นสกุลเงินที่แข็งค่าที่สุดในเอเชีย โดยนักลงทุนมองเงินบาทเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยในระยะกลางถึงระยะยาว และหันมาให้ความสนใจเป็นจำนวนมากขึ้น ถือเป็นโอกาสดีสำหรับนักลงทุนที่จะนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศเข้ามาทำธุรกิจในประเทศไทย

            ซึ่งต่อนี้ค้าเงินบาทไทยจะอยู่ที่ราว ๆ 4.27 บาทต่อหยวน ถือเป็นโอกาสอันดีหากคุณสนใจนำสินค้าจากประเทศจีนเข้ามาขายภายในประเทศ โดยคุณสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดและวิธีการนำเข้า รวมถึงช่องทางประสานงานก็สามารถติดต่อมาทางที่ บริษัท ไทยฮัวโฟร์ยู จำกัด https://www.thaihua4u.net/ หรือโทร 083-0904009 ทางเรามีบริการจัดหา สั่งซื้อ และนำเข้าสินค้าจากประเทศจีนไปส่งถึงคุณ ด้วยบริการที่มีมาตรฐานและถูกต้องตามกฎหมาย

 

แหล่งอ้างอิง

RYT9, KBANK คาด GDP ปีนี้โต 2.8% กนง.มีโอกาสลดดอกเบี้ยเหลือ 1.25% มองเงินบาท H1/63 แข็งค่าแตะ 29.70, วันที่ 24 ตุลาคม 2562. จาก https://www.ryt9.com/s/iq03/3058481.

สยามรัฐ, กสิกรไทยชี้เงินบาทแข็งค่าต่อเนื่องถึงปี 63ดึงเป็นสินทรัพย์ลดความเสี่ยงศก.โลกผันผวน, วันที่ 24 ตุลาคม 2562. จาก https://siamrath.co.th/n/110909

บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน), กสิกรไทยประเมินเงินบาทแข็งถึงปีหน้าเชื่อแตะระดับ 29.25 บาท/ดอลลาร์, วันที่ 24 ตุลาคม 2019. จาก https://businesstoday.co/featured/24/10/2019/กสิกรไทย-เงินบาท/

MGR Online, IMF ชี้เศรษฐกิจไทยปี 63 โต 3%, วันที่ 25 ตุลาคม 2562. จาก https://mgronline.com/stockmarket/detail/9620000102625

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้