Last updated: 4 พ.ย. 2562 | 424 จำนวนผู้เข้าชม |
พลิกวิกฤตค่าเงินหยวนอ่อนตัวสู่การลงทุนกับจีน
หลายคนต่างทราบกันดีว่าสภาวะเศรษฐกิจโลกในปัจจุบันค่อนข้างชะลอตัวลงอย่างมาก เนื่องจากปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน สืบเนื่องมาจาก 3 สาเหตุหลักที่ทางการของสหรัฐเกิดความไม่พอใจกับทางการของประเทศจีนคือ
1. เจ้ามหาอำนาจอย่างสหรัฐขาดดุลทางการค้ากับประเทศจีนอย่างมาก มีสินค้านำเข้าจากจีนที่สูงกว่าสินค้าส่งออกทั้งสินค้าทางด้านการเกษตร ด้านสิ่งทอ และด้านอุสาหกรรม
2. การที่ประเทศจีนมีนิสัยชอบขโมยทรัพย์สินทางปัญญาของสหรัฐ ซึ่งเกิดจากบริษัทของทางประสหรัฐมาเปิดโรงงานการผลิตในประเทศจีนจำนวนมาก รวมทั้งนิสัยเดิมของชาวจีนที่มีการเรียนรู้แบบ เลียนรู้ กล่าวคือคนจีนมีวิธีการเรียนรู้โดยจะคัดลอกจากต้นแบบ แล้วจึงนำมาต่อเติมขึ้นในแบบของตนเอง พฤติกรรมดังกล่าวได้สร้างความไม่พอใจอย่างมากกับนักลงทุนของสหรัฐ
3. ค่าเงินหยวนของจีนมีการอ่อนตัวอย่างมาก และพยายามรักษาค่าเงินไว้อยู่ที่ 7 หยวนต่อดอลลาร์ ซึ่งรัฐบาลของสหรัฐมองว่าเป็นการปั่นค่าเงิน เพื่อกระตุ้นการส่งออกสินค้าจากประเทศจีน
จากสาเหตุทั้ง 3 ได้สร้างความไม่พอใจให้แก่ทางรัฐบาลสหรัฐ และประธานาธิบดี ดอนัลด์ ทรัมป์ เป็นอย่างมาก จึงได้ตั้งมาตรการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มขึ้นเป็น 15 % เริ่มต้นวันที่ 1 ตุลาคม 2562 เพื่อเป็นการบังคับให้ทางรัฐบาลของจีนยอมจำนน และทำตามข้อตกลงของทางสหรัฐที่ให้รักษาสภาพเงินหยวนให้แข็งขึ้น และห้ามมิให้ขโมยทรัพย์สินทางปัญญาของทางสหรัฐอีก
แต่ผลที่ออกมากลับยิ่งทำให้ค่าเงินหยวนอ่อนตัวลงเรื่อย ๆ อย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด อีกทั้งยังส่งผลทำให้ค่าเงินของประเทศต่าง ๆ อย่างเช่น สิงคโปร์ อินเดีย มาเลเซีย เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และอินโดนีเซียเกิดการชะงักขึ้น ส่งผลทำให้เศรษฐกิจของโลกชะลอตัวยิ่งขึ้นไปอีก แต่ในทางกลับกันบรรดานักวิเคราะห์ของธนาคารแห่งอเมริกา เมอร์ริล ลินช์ ระบุว่า ค่าเงินที่มีภูมิคุ้มกันดีที่สุดในหมู่ตลาดเกิดใหม่ในเอเชียคือ เงินบาท ของไทย แม้ว่าค่าเงินดอล์ลาของสหรัฐเริ่มแข็งตัวขึ้นก็ยังไม่ส่งผลต่อค่าเงินบาทของเท่าไทยมากนั้น
ถือได้ว่าเป็นโอกาศที่ดีของหลาย ๆ คนที่คิดจะนำสินค้าเข้าจากจีนมาขายในประเทศไทย เพราะเนื่องจากในช่วงนี้ค่าเงินบาทมีความแข็งตัวมากขึ้นเมื่อเทียบกับเงินหยวน ซึ่งหมายถึงคุณสามารถซื้อสินค้าจากจีน ได้จำนวนที่มากขึ้นในราคาเท่าเดิม หรืออาจกล่าวได้ว่าสินค้าของทางจีนมีราคาถูกลงจากเดิม จึงถือได้ว่า เป็นโอกาสที่ไม่ควรพลาดสำหรับนักลงทุนที่สนใจนำสินค้าจากจีนมาเปิดตลาดในไทย
ทั้งนี้หากนักลงทุนคนไหนกำลังหาช่องทางติดต่อซื้อขายกับทางจีน หรือบริษัทชิปปิ้งที่ไว้ใจได้ สามารถติดต่อมาทางเรา บริษัท ไทยฮัวโฟร์ยู จำกัด https://www.thaihua4u.net/ หรือโทร 083-0904009 ทางเรามีพนักงานคอยให้ความช่วยเหลือในด้านจัดหา สั่งซื้อ และนำเข้ามายังไทย โดยไม่มีราคาสินค้าขั้นต่ำ คุณสามารถตรวจสอบและติดตามสินค้าได้ทุกเมื่อ เราจะทำให้การซื้อขายกับประเทศจีนของคุณเป็นเรื่องที่ง่าย
ภาพแสดงอัตราแลกเปลี่ยน 1 หยวนจีน ต่อค่าเงินบาทไทย ของแต่ละธนาคารที่รับซื้อ/ ขาย
อ้างอิงภาพ https://www.addnine.com/web/exchange-rate/cny
แหล่งอ้างอิง
RYT9, (เพิ่มเติม) ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 30.54/60 ทรงตัวจากวานนี้ แนวโน้มเคลื่อนไหวตามค่าเงินหยวน มองกรอบ 30.50-30.65, วันที่ 27 สิงหาคม 2562. จาก https://www.ryt9.com/s/iq03/3033415
Bangkokbiznews, เจาะ 3 ซีนาริโอ เงิน ‘หยวน’ ชนวนศึกการค้าใหม่, วันที่ 17 สิงหาคม 2562. จาก https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/844190
Bangkokbiznews, เมื่อสงครามการค้ากลายเป็นสงครามค่าเงิน, วันที่ 12 สิงหาคม 2562. จาก https://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/647966
25 พ.ย. 2562
25 พ.ย. 2562
28 ต.ค. 2563